โรคอีสุกอีใสเกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่ชื่อว่า Varicella zoster (VZV) เป็นโรคที่ติดต่อได้ง่ายโดยการสูดหายใจเอา ละอองฝอยของสารคัดหลั่งจากทางเดินหายใจ เช่น เวลาไอหรือจามเข้าไป หรือสัมผัสกับตุ่มน้ำบนผิวหนังโดยตรงโรค อีสุกอีใสมักพบบ่อยในเด็กและมีอาการไม่รุนแรงสามารถหายได้เอง 

หลังจากที่ติดเชื้อจะมีภูมิคุ้มกันไปตลอดชีวิต

ถึงตรงนี้ก็ทราบชัดเจนแล้วนะคะ ว่าถ้าเป็นอีสุกอีใสแล้ว 1 ครั้ง ร่างกายก็จะสร้างภูมิคุ้มกัน และไม่กลับมาเป็นซ้ำ

แต่จะมีวิธีป้องกันไม่ให้เป็นอีสุกอีใสได้ไหมนะ คำตอบคือ ได้ค่ะ แต่จะเป็นวิธีใด ”ร้านยาลาดกระบัง” จะเล่าให้ฟังแบบย่อสั้นๆ ให้เข้าใจง่ายๆดังนี้ค่ะ

 

วัคซีนอีสุกอีใสไม่เหมาะกับใครบ้าง?

  • สตรีที่ตั้งครรภ์
  • ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ อย่างเช่นผู้ป่วยเอชไอวี
  • ผู้ที่ต้องทำการรักษาด้วยยากดภูมิคุ้มกัน
  • ผู้ที่แพ้เจลาตินหรือยาปฏิชีวนะในกลุ่มอะมิโนไกลโคไซด์ 


เมื่อได้รับเชื้อ และเป็นอีสุกอีใสแล้ว จะมีอาการยังไงนะ?

เริ่มแรกจะมีอาการปวดหัว มีไข้ปวดเมื่อยเบื่ออาหารเกิดผื่นแดง หลังจากนั้นจะกลายเป็นตุ่มน้ำใสขึ้นทั่วตัวภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากเป็นอีสุกอีใส เชื้อไวรัสจะยังคงอยู่ในร่างกายและเมื่อภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลง เชื้อจะทำให้เกิดโรค งูสวัดได้

วิธีการดูแลตนเองเพื่อช่วยบรรเทาอาการของโรคอีสุกอีใส

  • หลีกเลี่ยงการเกาแผลเนื่องจากการเกาจะสามารถทำให้เกิดแผลและทำให้แผลหายช้า และจะเพิ่มโอกาสการติดเชื้อ
  • ผู้ป่วยควรทำการนัดพบแพทย์ หากพบว่ามีอาการไข้กินระยะเวลานานเกิน 4 วันและมีไข้ที่สูงกว่า 38.9 เซลเซียส
  • หลีกเลี่ยงการให้ยาแอสไพรินแก่เด็กหรือวัยรุ่นที่มีโรคอีสุกอีใส เนื่องจากอาจเกิดภาวะโรคเรย์ซินโดรม
  • ควรทำการปรึกษาแพทย์ก่อนทำการให้ยาแก้ปวดลดอาการอักเสบกลุ่ม NSAID แก่ผู้ป่วยโรคอีสุกอีใส มีการวิจัยเผยว่ายากลุ่มนี้อาจส่งผลให้เกิดการติดเชื้อที่ผิวหนังหรือเนื้อเยื่อถูกทำลาย

การรักษาอีสุกอีใส การรักษาจะเป็นการรักษาตามอาการ ดังนี้

  1. การรักษาด้วยยาต้านไวรัสซึ่งอาจทำให้ระยะเวลาเป็นโรคสั้นลง โดยไม่จำเป็นต้องได้ยาต้านไวรัสทุกรายขึ้นอยู่กับ ความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง
  2. เช็ดตัวลดไข้ หรือใช้ยาลดไข้กลุ่มพาราเซตามอน
  3. อาจให้ยาแก้แพ้แก้คัน ร่วมกับทาคาลาไมน์เพื่อลดอาการคัน
  4. หลีกเลี่ยงการเกาโดยให้ผู้ป่วยตัดเล็บให้สั้น

โรคอีสุกอีใสสามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน !


วัคซีนที่ใช้ทำมาจากเชื้ออีสุกอีใสที่มีชีวิตแล้วนำมาทำให้อ่อนฤทธิ์ลง ในประเทศไทยมีจำหน่ายเป็นรูปแบบวัคซีนเดี่ยว และวัคซีนรวมคือ Varilrix, OKAVAX, Varicella Vaccine-GCC และวัคซีนรวมหัด-หัดเยอรมัน-คางทูม-อีสุกอีใส (MMRV)

ใครควรได้รับวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใสบ้าง

ในเด็กที่ยังไม่เคยมีประวัติเป็นโรคอีสุกอีใสมาก่อนควรแนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส 2 ครั้ง โดยครั้งแรก แนะนำให้ฉีดเมื่ออายุ 12-18 เดือน และฉีดครั้งที่สองเมื่ออายุ 4-6 ปี หรือเว้นระยะห่างจากเข็มแรกอย่างน้อย 3 เดือน สำหรับวัยรุ่นที่มีอายุตั้งแต่13 ปีขึ้นไปจะให้ฉีดวัคซีนเช่นกัน 2 ครั้ง แต่ให้ฉีดห่างกันอย่างน้อย 4-8 สัปดาห์

 

Dowell สินค้าสุขภาพ เป็นเพื่อนกับเรา Line (official)

คลิ้กลิ้งค์ https://lin.ee/uThVbi6 ยินดีให้บริการค่ะ

#Dowell #Dowellhealthyshop #สินค้าสุขภาพ #ดูเวล #ดูเวลลสินค้าสุขภาพ #Dowellสินค้าสุขภาพ #Dowellhealthyshop #อีสุกอีใส

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *