
ไข้สการ์เลต Scarlet Fever หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อ ‘ไข้อีดำอีแดง’ เป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรีย ที่ทำให้เกิดอาการไข้สูง มีผื่น และตุ่มแดงคล้ายคล้ายกระดาษทราย ซึ่งพบบ่อยในเด็กเล็ก รวมถึงผู้ใหญ่บางกลุ่ม โดยเฉพาะผู้ที่ไม่เคยได้รับวัคซีนหรือไม่เคยเป็นโรคนี้มาก่อน โดยความน่ากลัวของโรคนี้คือสามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว และอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ หากไม่มีการรักษา สังเกตอาการ หรือป้องกันตัวเองอย่างเหมาะสม
ดังนั้นในบทความนี้ Dowell ร้านยาดูเวลบางบ่อ จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกันว่าไข้อีดำอีแดงคืออะไร รวมทั้งเจาะลึกตั้งแต่สาเหตุ อาการ การป้องกัน ไปจนถึงการดูแลรักษา เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าใจและรับมือกับโรคนี้ได้อย่างถูกต้อง
ไข้อีดำอีแดงเกิดจากอะไร ?
ไข้อีดำอีแดง หรือ Scarlet Fever เกิดจากเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัสชนิดเอ streptococcus group A โดยสามารถแพร่กระจายผ่านละอองฝอยที่มีเชื้อไวรัสจะลอยอยู่ในอากาศ จากการไอ จาม หรือพูดคุยกับผู้ป่วยในระยะใกล้ชิด นอกจากนั้นการสัมผัสสิ่งของซึ่งมีเชื้อ อย่างเช่นโต๊ะ ราวบันได ปุ่มกดลิฟต์ รวมถึงสารคัดหลั่งของผู้ป่วย แล้วนำมือมาสัมผัสตา จมูก หรือปาก ก็สามารถทำให้ติดเชื้อได้เช่นกัน
อาการที่พบบ่อยของไข้อีดำอีแดง

อาการของไข้อีดำอีแดงจะเริ่มปรากฏหลังจากได้รับเชื้อประมาณ 7-14 วัน โดยอาการในระยะแรกจะคล้ายกับไข้หวัดทั่วไป ได้แก่
- ไข้สูง : อุณหภูมิร่างกายจะสูงขึ้นเกินกว่า 38.5 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอาการที่พบได้ในระยะเริ่มต้นของโรคหัด ไข้จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นและสามารถคงอยู่ได้นานหลายวัน โดยเฉพาะในช่วงที่ร่างกายกำลังตอบสนองต่อการติดเชื้อไวรัส
- คลื่นไส้และอาเจียน : โดยเฉพาะเด็กเล็กอาจมีอาการคลื่นไส้และอาเจียนร่วมกับอาการอื่น ๆ ของโรค ทำให้รู้สึกไม่สบายและอ่อนแอลง
- ผื่นแดง : ผื่นจะเริ่มจากคอและหน้าอก ก่อนจะลามไปยังลำตัว แขน ขา ลักษณะเป็นจุดเล็ก ๆ สีแดงคล้ายกระดาษทราย
- ลิ้นแดงคล้ายผลสตรอว์เบอร์รี : ลิ้นจะมีสีแดงสดและมีตุ่มเล็กๆ คล้ายเมล็ดสตรอว์เบอร์รี ซึ่งเกิดจากการอักเสบในลิ้น
- ไอ : อาการไอในผู้ป่วยหัดจะเป็นไอแห้งๆ ไม่มีเสมหะ ซึ่งเกิดจากการระคายเคืองในทางเดินหายใจจากการติดเชื้อไวรัส ไอจะรุนแรงขึ้นเมื่อโรคเริ่มพัฒนา และอาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่สบายตัว
- น้ำมูกไหล : ในช่วงแรกของโรคหัด จะมีอาการน้ำมูกไหลออกมาในลักษณะของน้ำมูกใส ซึ่งเป็นผลจากการอักเสบในเยื่อบุทางเดินหายใจ น้ำมูกจะค่อยๆ กลายเป็นข้นและเปลี่ยนสีในบางกรณีเมื่อเกิดการติดเชื้อร่วม
- เจ็บคอ : อาการเจ็บคอเป็นอีกหนึ่งอาการที่พบได้ในระยะแรกของการติดเชื้อหัด ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บหรือคอแดงและบวม ซึ่งอาจทำให้การกลืนน้ำหรืออาหารลำบากมากขึ้น อาการนี้จะเป็นผลจากการอักเสบที่เกิดขึ้นในลำคอ
โดยทั่วไปแล้วเมื่อผื่นขึ้นเต็มที่ ไข้จะเริ่มลดลง และค่อย ๆ บรรเทาตามลำดับ โดยอาจมีอาการผิวหนังลอกตามมา แต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้น หรือเริ่มมีระดับความรุนแรง ให้รีบพบแพทย์โดยด่วนเพื่อรักษาอาการอย่างทันท่วงที
ไข้อีดำอีแดง เป็นแล้วอันตรายไหม

ไข้อีดำอีแดง สำหรับผู้ป่วยบางรายอันไม่ได้อันตรายมากนัก แต่โดยปกติแล้วโรคนี้ก็ยังถือเป็นโรคร้ายแรงชนิดหนึ่ง โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องอาจทำให้อาการแย่ลง รวมทั้งสามารถก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตราย หรืออาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้ ซึ่งภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยก็จะมีอยู่หลากหลาย เช่น
- ปอดบวม : เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยที่สุด อาจทำให้เสียชีวิตได้
- สมองอักเสบ : เป็นภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง อาจทำให้เกิดความพิการทางสมอง หรือเสียชีวิตได้
- หูชั้นกลางอักเสบ : ทำให้เกิดอาการปวดหูและอาจนำไปสู่การสูญเสียการได้ยิน
นอกจากนั้นก็อาจจะทำให้เกิดการแทรกซ้อนของโรคอื่น ๆ ตามาได้อีก เช่น ไข้รูมาติก หรือไตอักเสบ ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพ และอาจต้องใช้เวลาในการรักษาที่ยาวนานขึ้น ดังนั้นเมื่อมีสัญญาณของโรคในเบื้องต้นแล้ว ควรรีบพบแพทย์ให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ
ไข้อีดำอีแดงแบบไหนต้องไปโรงพยาบาลทันที !
แม้ว่าโรคหัด หรือไข้อีดำอีแดง จะมีอาการที่สามารถจัดการได้ด้วยการดูแลที่บ้านในบางกรณี แต่เพื่อความปลอดภัยและป้องกันอาการแทรกซ้อนที่รุนแรง หากสังเกตอาการแน่ชัดแล้วว่าเป็นไข้อีดำอีแดง ควรได้รับการดูแลจากแพทย์ในโรงพยาบาลโดยด่วน ซึ่งอาการที่ต้องรีบพบแพทย์ทันที ได้แก่
- หายใจลำบาก หายใจเร็ว หรือมีอาการหอบเหนื่อย
- เจ็บหน้าอก
- ชัก
- ซึมลง ไม่รู้สึกตัว
- ปัสสาวะเป็นสีแดง หรือมีเลือดปน
- มีภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดบวม สมองอักเสบ
- ลิ้นมีลักษณะเป็นสีแดงสดคล้ายสตรอว์เบอร์รี ร่วมกับผื่น
วิธีการดูแลตัวเองเมื่อเป็นไข้อีดำอีแดง

การดูแลตัวเองเมื่อเป็นไข้อีดำอีแดง มีความสำคัญในการช่วยลดอาการไม่สบาย และป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยสามารถทำตามคำแนะนำเหล่านี้ เพื่อดูแลตัวเองในเบื้องต้น เช่น
- แยกตัวออกจากบุคคลใกล้ชิด เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
- พักผ่อนและดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
- หมั่นสังเกตอาการเป็นระยะ ป้องกันภาวะแทรกซ้อน
- หากมีไข้สูง ให้ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดตัว หรือทานยาเพื่อลดไขั
- ไม่ควรแกะ หรือเกาผื่นและตุ่มแดง
คู่มือป้องกันอีดำอีแดง ฉบับทำตามได้
- หมั่นล้างมืออย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะเมื่อต้องทานอาหาร หรือสัมผัสกับสารคัดหลั่งของผู้ป่วย
- ปิดปากและจมูกเมื่อไอหรือจามด้วยมากส์
- หากทราบว่ามีผู้ป่วยเป็นไข้สการ์เลต ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิด
- ไม่ใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น แก้วน้ำ ช้อน ส้อม ผ้าเช็ดตัว
- หากมีอาการเจ็บคอ หรือสัญญาณของโรคควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาเชื้อ
สรุปต้นเหตุของโรคไข้อีดำอีแดง และการป้องกันเพื่อสุขภาพที่ยั่งยืน
ไข้อีดำอีแดง เป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรีย พบบ่อยในเด็กเล็ก ทำให้มีไข้สูง ผื่นแดงคล้ายกระดาษทราย และอาจทำให้มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม การดูแลตัวเองเบื้องต้น เช่น พักผ่อนให้เพียงพอ และรีบพบแพทย์เมื่อมีอาการรุนแรงจึงเป็นสิ่งสำคัญ
นอกจากการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคแล้ว การรักษาความสะอาดเป็นประจำก็ช่วยลดความเสี่ยงในการติดโรคได้มากขึ้น ดังนั้น ร้าน Dowell ร้านยาดูเวลบางบ่อ จึงพร้อมให้คำแนะนำและสาระความรู้ดี ๆ ผ่านบทความสุขภาพ รวมถึงมีผลิตภัณฑ์บรรเทาอาการต่าง ๆ เช่น ยาลดไข้, แอลกอฮอล์, หน้ากากอนามัย และสินค้าสุขภาพอื่น ๆ ที่คุณสามารถเลือกใช้บริการได้ตามความต้องการ
สำหรับใครที่มีคำถามหรือข้อสงสัย เกี่ยวกับการซื้อสินค้าสุขภาพของร้าน Dowell ร้านยาดูเวลบางบ่อ สามารถติดต่อเราได้โดยตรงผ่านช่องทาง Line Official Account